ผู้สูงอายุกับการนอนหลับ
เมื่อย่างเข้าวัยสูงอายุร่างกายก็จะเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเป็นต้นว่า
รับประทานอาหารไม่อร่อย สายตามัวลง เป็นต้อกระจก หูได้ยินไม่ชัด
แต่ที่ไม่เปลี่ยนแปลงตามอายุคือระยะเวลาที่ต้องการนอนคือยังคงเท่าเดิม
ประมาณวันละ 8 ชั่วโมงแต่คุณภาพในการนอนของผู้อายุลดลงจึงทำให้นอนไม่ค่อยพอ
มีหลายปัจจัยที่ทำให้การนอนของผู้สูงอายุไม่มีคุณภาพ เช่น
การงีบหลับในเวลากลางวัน การนอนไม่เป็นเวลา การเข้านอนก่อนที่จะง่วง
(advanced sleep phase syndrome) หรือเข้านอนเมื่อผ่านเวลานอนไปแล้ว
(delayed sleep phase syndrome)
หรือใช้เตียงเพื่อจุดประสงค์อื่นเช่นการดูทีวี การอ่านหนังสือ
การรับประทานอาหารหรือมีสิ่งรบกวนในห้องนอน เช่นเสียงดัง มีแสง ห้องร้อน
นอนจากปัจจัยภายนอกแล้วปัจจัยภายในของผู้ป่วยโรคต่างๆเช่น อาการปวดข้อ
โรคหัวใจ ปัญหาทางจิตใจ
ปัญหาทั้งหมดจะทำให้การนอนหลับในผู้สูงอายุมีคุณภาพลดลง
การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการนอนในผู้สูงอายุ
การนอนหลับของคนประกอบไปด้วย 5 ระยะคือระยะที่ 1-4 และระยะ rapid eye movement ช่วงที่หลับสนิทมากที่สุดคือระยะ 3-4
ผู้สูงอายุจะมีช่วงเวลาที่หลับสนิทคือระยะที่3-4 ลดลงทำให้หลับไม่สนิท
ผู้สูงอายุจะนอนยากขึ้นมีรายงานว่าร้อยละ 24
ของผู้ป่วยสูงอายุใช้เวลามากกว่า 30 นาที่ในการนอนหลับ
สาเหตุเนื่องจากการที่ร่างกายสร้าง melatonin และ growth hormone ลดลง
การเจอแสงแดดลดลง และการที่ผู้ป่วยตื่นบ่อย
เหล่านี้เป็นสาเหตุให้ผู้สูงอายุหลับยาก
โรคที่มีผลต่อการนอนของผู้สูงอายุ
ผู้สูงอายุมักจะมีโรคประจำตัว โรคประจำตัวหลายโรคก็มีผลต่อการนอนของผู้สูงอายุโรคต่างๆเหล่านี้ได้แก่
- ข้ออักเสบ
- กระดุกพรุน
- โรคกระเพาะอาหาร
- โรคมะเร็ง
- โรค parkinson
- โรค Alzheimer
- โรคสมองเสื่อม dementia
- กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ Incontinence
- โรคหัวใจ Congestive heart failure
- โรคถุงลมโป่งพอง copd
โรคปวดข้อปวดหลังมักจะปวดตอนกลางคืนทำให้ต้องตื่นบ่อย
โรคหัวใจวายที่ยังคุมไม่ดีเมื่อนอนราบจะมีอาการแน่นหน้าอกหายใจไม่ออกต้อง
ตื่นลุกขึ้นนั่งเมื่อหายแน่นจึงนอนต่อ
การดูแลเรื่องการนอนหลับต้องรักษาปัจจัยเหล่านี้ด้วย
วัยทองกับการนอนหลับ
หญิงวัยทองมีปัญหาการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับฮอร์โมนทำให้เกิดอาการร้อนตามตัว
เหงื่อออก ทำให้ตื่นบ่อยและง่วงนอนเวลากลางวัน
สาเหตุของการนอนไม่หลับ
แบ่งได้เป็นเหตุใหญ่ๆดังนี้
สาเหตุจากทางด้านจิตใจ ( Psychologic Causes of Insomnia
)ผู้ป่วยจำนวนมากเกิดจากทางด้านจิตใจ เช่นโรคเครียด โรคซึมเศร้า
ผู้ป่วยกลุ่มนี้ร้อยละ 70จะมีอาการนอนไม่หลับเป็นอาการสำคัญ
ปัจจัยกระตุ้นให้นอนไม่หลับ (Precipitating Factors of Transient Insomnia) มักจะเป็นชั่วคราวเช่น
Adjustment Sleep Disorder
เป็นภาวะนอนไม่หลับที่เกิดจากสิ่งกระตุ้นที่เพิ่งเกิด เช่นผลจากความเครียด
จากการเจ็บป่วย ผ่าตัด การสูญเสียของรัก จากงาน
เมื่อปัจจัยกระตุ้นหายอาการนอนไม่หลับจะกลับสู่ปกติ
Jet Lag ผู้ป่วยเดินบินข้ามเขตเวลาทำให้เปลี่ยนเวลานอนร่างกายปรับตัวไม่ทันจะทำให้นอนยาก
Working Conditions เช่นคนที่เข้าเวรเป็นกะๆทำให้นาฬิกาชีวิตเสียไป ทำให้นอนไม่เป็นเวลา
Medications นอนไม่หลับจากยา เช่นกาแฟ ยาลดน้ำมูก
นอนไม่หลับจากโรค Medical and Physical Conditions หากคุณมีโรคบางโรคก็อาจจะทำให้คุณนอนไม่หลับเช่น
โรคบางโรคขณะเกิดอาการจะทำให้ผู้ป่วยนอนไม่หลับ เช่นโรคหอบหืด โรคหัวใจวาย
ภูมิแพ้ โรคสมองเสื่อม Alzheimer โรคparkinson โรคคอพอกเป็นพิษ
ผลจากการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมน ฮอร์โมน progesteron
จะทำให้ง่วงนอนช่วงไข่ตกจะมีฮอร์โมน progesteron สูงทำให้ง่วงนอน
แต่ช่วงใกล้ประจำเดือนฮอร์โมนจะน้อยทำให้อาจจะมีอาการนอนไม่หลับ
การตั้งครรภ์ระยะแรกและระยะใกล้คลอดจะมีอาการนอนไม่หลับเนื่องจากเปลี่ยน
แปลงของฮอร์โมน ช่วงแรกของหญิงวัยทองก็มีอาการนอนไม่หลับเช่นกัน
นอนไม่หลับจากการเปลี่ยนเวลานอน Delayed Sleep-Phase Syndrome เมื่อถึงเวลานอนแต่ไม่ได้นอนทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน
ปัจจัยส่งเสริมอาการนอนไม่หลับ Perpetuating Factors มีหลายภาวะที่ส่งเสริมให้นอนไม่หลับ
-
Psychophysiological Insomnia เกิดจากนอนก่อนเวลานอนแล้วนอนไม่หลับ เรียก
Advanced sleep phase Syndrome ทำให้คนผู้นั้นพยายามที่จะนอน กระสับกระส่าย
พลิกตัวไปมา ไม่ผ่อนคลายจนกลายเป็นความเครียด ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีลักษณะ
ชีพขจรเร็ว ตื่นง่าย อุณหภูมิจะสูงกว่าปกติ
-
นอนไม่หลับจากสารบางชนิด เช่นกาแฟ สุรา
การดื่มกาแฟหรือสุราตอนกลางวันถึงกลางคืนอาจจะทำให้นอนไม่หลับในเวลากลางคืน
การดื่มสุราเล็กน้อยก่อนนอนจะช่วยลดความเครียดทำให้หลับดีขึ้นแต่ถ้าหากดื่ม
มากจะทำให้หลับไม่นานตื่นง่าย ช่วงที่อดสุราก็จะมีปัญหาหลับยาก
ผู้ที่สูบบุหรี่จะนอน 3-4 ชั่วโมงแล้วตื่นเนื่องจากระดับ nicotin ลดลง
-
การที่ระดับ melatonin ลดลงระดับ melatonin จะมีมากในเด็กและลดลงในผู้ใหญ่หลังอายุ 60 ปีจะมีน้อยมาก
-
จากแสง จากความรู้ข้างต้นแสงจะกระตุ้นให้ตื่นแม้ว่าจะหรี่แสงแล้วก็ตาม
-
นอนไม่หลับในวัยเด็ก พ่อแม่ที่เวลานอนไม่สม่ำเสมอจะทำให้เด็กนอนไม่หลับในตอนโต
-
การออกกำลังตอนใกล้เข้านอน การทำงานที่เครียดก่อนนอน
-
การที่นอนและตื่นไม่เป็นเวลา
-
สิ่งแวดล้อมในห้องนอนไม่ดี เช่นร้อน หนาว แสงจ้าไป เสียงดังไป รวมทั้งลักษณะการนอนของคนใกล้ชิด เช่นนอนดิ้น นอนกรนเป็นต้น
หากท่านยังไม่ทราบสาเหตุให้กรอกตารางสำรวจสาเหตุการนอนไม่หลับความต้องการ
การนอนไม่เท่ากันในแต่ละคนขึ้นกับอายุ ทารกต้องการนอนวันละ 16 ชั่วโมง
วัยรุ่นต้องการวันละ 9 ชั่วโมง ผู้ใหญ่ต้องการวันละ 7-8 ชั่วโมง
แต่คนบางคนก็อาจจะต้องการนอนน้อยเหลือเพียงวันละ 5 ชั่วโมง
หากนอนไม่พอร่างกายต้องการการนอนเพิ่มในวันรุ่งขึ้น
การนอนหลับ
การนอนช่วง Non-rapid eye movement (non-REM sleep)
การนอนในช่วงนี้มีความสำคัญมากเพราะมีส่วนสำคัญในการทำให้ภูมิคุ้มกันแข็ง
แรง เกี่ยวข้องกับระบบย่อยอาหาร และมีการหลั่งของฮอร์โมนที่เร่งการเติบโต
growth hormone การนอนช่วงนี้แบ่งออกเป็น 4
ระยะได้แก่โดยการหลับจะเริ่มจากระยะที่ 1ไปจน REM และกลับมาระยะ 1 ใหม่
Stage 1 (light sleep) ระยะนี้ยังหลับไม่สนิทครึ่งหลับครึ่งตื่น ปลุกง่าย
ช่วงนี้อาจจะมีอาการกระตุกของกล้ามเนื้อที่เรียกว่า hypnic myoclonia
มักจะตามหลังอาการเหมือนตกที่สูง ระยะนี้ตาจะเคลื่อนไหวช้า
Stage 2 (true sleep) ระยะนี้ตาจะหยุดเคลื่อนไหวคลื่นไฟฟ้าสมองเป็นแบบ rapid waves เรียก sleep spindles
Stage 3 คลื่นไฟฟ้าสมองจะมีลักษณะ delta waves และ
Stage 4 ระยะนี้เป็นระยะที่หลับสนิทที่สุดคลื่นไฟฟ้าสมองเป็นแบบ delta
waves ทั้งหมด ระยะ 3-4 จะปลุกตื่นยากที่สุด ตาจะไม่เคลื่อนไหว
ร่างกายจะไม่เคลื่อนไหว เมื่อปลุกตื่นจะงัวเงีย
การนอนช่วง Rapid eye movement (REM) sleep จะเกิดภายใน 90 นาทีหลังจากนอน
ช่วงนี้เมื่อทดสอบคลื่นสมองจะเหมือนคนตื่น ผู้ป่วยจะหายใจเร็ว ชีพจรเร็ว
กล้ามเนื้อไม่ขยับ อวัยวะเพศแข็งตัว เมื่อคนตื่นช่วงนี้จะจำความฝันได้
เราจะใช้เวลานอน ในระยะต่างๆ ดังนี้
Stage | %
|
Stage 2 | 50
|
REM | 20
|
ระยะอื่นๆ | 30
|
การนอนหลับครบหนึ่งรอบใช้เวลา 90-110 นาที คนปกติต้องการนอนวันละ 8
ชั่วโมงโดยหลับตั้งค่ำจนตื่นในตอนเช้า
คนสูงอายุการหลับจะเปลี่ยนไปโดยหลับกลางวันเพิ่มและตื่นกลางคืน
จำนวนชั่วโมงในการนอนหลับแต่ละคนจะไม่เหมือนกันบางคนนอนแค่วันละ 5-6
ชั่วโมงโดยที่ไม่มีอาการง่วงนอน
ถ้านอนหลับติดต่อกันจะรู้สึกนอนอิ่มกว่าคนที่หลับเป็นช่วงๆ
การนอนไม่หลับ (Insomnia)
การรักษาโดยไม่ใช้ยา
ถ้าตอนกลางวันไม่ง่วงนอน ถือว่าได้นอนเพียงพอแล้ว
เข้านอนและตื่นนอนเป็นเวลา
ถ้าหิวหรืออิ่มเกินไปทำให้นอนไม่สบาย
ออกกำลังกาย (เช่น ช่วงเวลาบ่าย ไม่ควรเป็นช่วงก่อนนอน)
หยุดสูบบุหรี่ ลดแอลกอฮอล์
ไม่อ่านหนังสือหรือดูโทรทัศน์บนเตียง
ใช้เตียงสำหรับการนอนเท่านั้น
ให้รางกายถูกแสงแดดบ้าง เช่น ช่วงเวลา 15:00-17:00
รวมกลุ่มไปเดินออกกำลังกลางแจ้ง (สมองจะ set เวลาว่าตอนนี้มีดวงอาทิตย์
มีแสงสว่างเป็นตอนกลางวัน)
การรักษาโดยใช้ยา
Short Half Life Benzodiazepine=temazepam, lorazepam
Non Benzodiazepine = zolpidem
- Flurazepam (Dalmadorm),
- Diazepam (Valium),
- Triazolam (Halcion)
- Midazolam (Dormicum)
- Lorazepam (Ativan)
- Triazolam (Euhypnos)
- Zolpidem (Stilnox)
Drug Half Life (Hr) | Young | Old
|
Diazepam (Valium) | 24 | 75
|
Chlordiazepoxide | 10 | 30
|
Oxazepam | 10 | 10
|
Lorazepam (Ativan) | 12 | 12
|
Alprazolam | 10 | 17
|
References
31 กค.-1 สค. 2546 การอบรมวิชาการประจำปี สมาคมพฤฒาวิทยา และเวชศาสตร์ผู้สูงอายุไทย ศูนย์ประชุมสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ กทม.